ผลงานหรือฝีมือในการรับทำเว็บไซต์ – นับว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งเลยที่จะเลือกผู้รับทำเว็บไซต์สักคนหนึ่ง เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาจะทำให้เราเกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจว่าเขาจะสามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพตามความต้องการของเราได้จริง รายละเอียดของผลงานนั้นเราสามารถร้องขอดูเพื่อทำการพิจารณาในเบื้องต้นได้ก่อนที่จะทำสัญญาว่าจ้าง แต่ต้องดูให้ดีเพราะมีผู้รับทำเว็บไซต์ที่ไม่ดีอยู่จำนวนหนึ่งที่มักชอบเอาผลงานของผู้อื่นมาแอบอ้าง หลังจากได้งานก็ทิ้งงานหรือลอยแพงานอยู่เสมอ
ราคา – ความสมเหตุสมผลของราคาเป็นปัจจัยอันดับสองในการพิจารณา คงไม่ดีแน่หากผลงานของผู้รับทำเว็บไซต์ไม่มีที่ติแต่ราคาค่าบริการสูงลิบลั่วเกินกว่าที่ลูกค้าจะจ่ายไหวจนไม่สามารถว่าจ้างได้ แต่ถ้าผู้รับทำเว็บไซต์เสนอราคาในการจัดทำที่ต่ำกว่าราคาตลาดโดยทั่วไปก็ต้องพิจารณาอีกว่ามันดูเหมาะสมไหมเพราะโอกาสที่จะโดนชวดเงินมีสูงมากทีเดียว ราคาถูกไม่ใช่จะดีเสมอไปเพราะหากเราว่าจ้างในราคาถูกก็มีโอกาสที่เราจะได้งานราคาถูกกลับมา หรือที่เรียกว่า “งานตามราคา” นั่นเอง
ระยะเวลาดำเนินการ – ส่วนนี้เป็นส่วนรอง ๆ ในการพิจารณาว่าจ้างงาน เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากได้ทำการว่าจ้างไปแล้ว หรือมีอะไรรับประกันว่าผู้รับทำเว็บไซต์ที่เราว่าจ้างไปจะทำงานเสร็จส่งตรงเวลา เราอาจจะดูจาก Feedback ของลูกค้าคนเก่า ๆ ของผู้ที่เราสนใจจะใช้บริการก่อนได้
การแก้ไขงานหรือบริการหลังการขาย – หากลูกค้าไม่ชำนาญในการใช้เทคโนโลยีหรือระบบหลังบ้าน ผู้รับทำเว็บไซต์ต้องสามารถให้คำอธิบายหรือแก้ไขจุดบกพร่องที่มีอยู่ตามที่ลูกค้าได้แจ้งเอาไว้ได้ตามข้อตกลงหรือในลักษณะของสัญญาใจ ไม่ใช่งานแล้วเสร็จก็ปิดงานโดยไม่ยอมแก้ไขงานที่ผิดพลาดของตนเอง นอกเสียจากต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเท่านั้นถึงจะยอมแก้ไขงานให้ แต่ทั้งนี้อาจจะพิจารณาจากความเหมาะสม เพราะก็มีลูกค้าที่ชอบแก้นั่นแก้นี่เปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ แม้จะไม่ใช่งานที่ยากแต่ค่อนข้างจุกจิกพอสมควร ทำให้ผู้รับทำเว็บไซต์บางท่านไม่อาจจะสามารถรันงานอื่นได้